ชีวิตเบญจเพสขึ้นอยู่กับ…

เบญจเพส

คำแปล

(มค. ปญฺจ = ห้า + วีส = ยี่สิบ) น. วัยเบญจเพส คือ ปีที่อายุย่าง ๒๕ ปี หากเต็ม ๒๕ ปีแล้วก็เรียกว่าผ่านเบญจเพสแล้ว โบราณถือว่าคนที่อยู่ในวัยเบญจเพสมักจะประสบเหตุการณ์ ใหญ่ๆ จิตใจวุ่นวาย จะต้องระมัดระวังวัยนี้เป็นพิเศษ.

 

แต่ก่อนได้ยินตอนเด็กเด็ก ก็กลัวนะ แต่พอเอาเข้าจริง……ก็กลัวอ่ะT.T"

 

เมื่อถึงเบญจเพสหรืออายุ ๒๕ ปี จะเป็นช่วงสำคัญที่สุดของชีวิตจริงหรือไม่? ที่เขาว่าความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ซึ่งอาจจะเป็นไปในทางดีหรือทางร้ายสุดๆจะเกิดขึ้นในปีนี้ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?

      เบญจเพส ’ นั้น สะกดให้ถูกต้อง ส.เสือ นะครับ หลายคนสะกดเป็น ‘เบญจเพศ’ ซึ่งผิดความหมาย เพราะคำนี้แผลงมาจาก บาลี คือ ‘ปญฺจวีส’ โดยปัญจะแปลว่าห้า และวีสแปลว่ายี่สิบ รวมจึงเป็นยี่สิบห้า ถ้าคุณเขียนเป็นเบญจเพศจึงหมายถึง ‘เพศที่ห้า’ ซึ่งไม่รู้จะมุ่งหมายถึงใครดี

      เคล็ดลางหรือความเชื่อเกี่ยวกับตัวเลข บางทีก็สืบหาที่มาที่ไปแน่นอนไม่ได้ แต่บางทีก็มีเค้ามูลประวัติศาสตร์บางอย่าง เหมือนใครอยากเชื่อว่าเลข ๑๓ เป็นเลขซวย ก็ต้องย้อนไปนู่น ที่เรื่องราวเกี่ยวกับพระกระยาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซู ก่อนที่พระองค์จะทรงถูกนำไปตรึงกางเขน ตามคัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวถึงยูดาสผู้ทรยศต่อพระเยซู มานั่งเป็นแขกคนที่ ๑๓

ของโต๊ะเสวย นับแต่นั้นเลข ๑๓ ก็กลายเป็นเลขซวยไป

       เมื่อพระเยซูถูกตรึงกางเขนในวันศุกร์ ก็มีการเอามาบวกกันกับเลข ๑๓ กลายเป็นศุกร์ ๑๓ มหาอัปมงคล ตึกฝรั่งบางแห่ง จะไม่มีชั้น ๑๓ และหลายคนที่ถือเคล็ดลางเก่งๆจะระมัดระวังตัวเป็นพิเศษทุกวันศุกร์ที่ ๑๓ แน่นอนว่าเมื่อคุณทราบที่มาที่ไป เช่นนี้ ก็คงหายกลัวศุกร์ที่ ๑๓ เสียได้

      เพราะแท้จริงหาใช่จะมีความซวยในตัวเองไม่ ขอเพียงมีเหตุการณ์สำคัญในทางอัปมงคล เกิดขึ้น คนเราก็พร้อมจะสังเกตความเกี่ยวข้องกับเลขวันเดือนปีทันทีแล้ว

     ว่ากันถึงวัย ๒๕ นั้น เท่าที่พอทราบคือคติข้างพราหมณ์จะซอยวัยมนุษย์ออกเป็นต่างๆ คือ ๑-๘ นับเป็นกุมาร ๙–๑๖ นับเป็นทารกวัย (วัยรุ่น) ๑๗–๒๕ นับเป็นมาณพ (วัยหนุ่ม) ชายใดใช้ชีวิตมาถึงปีที่ ๒๕ ตามภาษาของคัมภีร์พฤติศาสตร์เรียก ‘ต้องเบญจเพส’ หมายถึงการเข้าถึงฝ่ายโชคและเคราะห์อันแรงกล้า

     ส่วนจะเป็นโชคหรือเป็นเคราะห์ก็ต้องดูว่าลงล็อกใดใน ‘เพส ๕’ อันได้แก่เทวะ มนุษย์ เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย หากดวงตกเทวะก็ได้ลาภยศ หากดวงตกมนุษย์ก็ปานกลางไม่ดีไม่ร้าย หากดวงตกเดรัจฉานก็ป่วยหนัก หากดวงตกเปรตก็ถึงตาย หากดวงตกอสุรกายก็อาจพิกลพิการ เป็นต้น ดูจากตรงนี้ใช่แปลว่า ๒๕ หมายถึงซวยหนัก แต่อาจเป็นเฮงระเบิดก็ได้ ทว่าพูดกันทีไร ก็จะว่าเบญจเพสคือปีซวยท่าเดียว

      สรุปคือเบญจเพสเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำนายทายทัก ปีที่ ๒๕ เป็นปีแรงทั้งทางบวกทางลบ และตามหลักการดังกล่าว จะเห็นว่าโชคและเคราะห์ในเบญจเพสหาได้เกี่ยวข้องกับสตรีไม่

      แต่ถึงวันนี้เราก็กล่าวเหมาคลุมไปหมดว่าเป็นเรื่อง ของทั้งหญิงทั้งชาย ที่ต้องระมัดระวังตัว ทำบุญสะเดาะเคราะห์เป็นพิเศษ ผมเห็นผู้หญิงบางคนวิ่งรอกทำบุญจนหน้าซีดทีเดียว เพราะดูเหมือนเรื่องแย่ๆจะประดังประเดเข้ามาในปีเบญจเพสเอาจริงๆ

      ว่าตามหลักกรรมวิบาก ความจริงก็คือทุกปีมีเรื่องไม่ดีได้ตลอด แล้วแต่ว่าใครทำมาอย่างไรอดีตกรรมวางแผนให้เรา ได้รับผลตามล็อกเวลาไว้เฉพาะตน นั่นหมายความว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ได้ลาภทุกปี แล้วก็สุ่มเสี่ยงกับการตายได้ไม่เว้นวัน นับแต่จันทร์ถึงอาทิตย์ ใครหยุดราชการ มัจจุราชท่านไม่หยุดด้วย

     ใครเชื่อว่ามีสิทธิ์ตายเฉพาะเบญจเพส มัจจุราชท่านไม่เชื่อ ด้วยขอให้เชื่อเถิดว่าไม่มีเลขล็อกสากลให้ต้องพะวงหรอก เบญจเพสเป็นเพียงการช่วยกันลือ ไม่มีที่มาที่ไปแบบพุทธเอาเลย สิ่งที่คุณควรพะวงไม่ใช่ปีเบญจเพสควรสะเดาะเคราะห์อย่างไร แต่ควรสำรวจตรวจตราดีๆว่าทุกวันนี้ใช้ชีวิตบนวิถีบุญน้อยไป หรือเปล่าต่างหาก

 

อายันโฆษะ เขียนเรื่องเบญจเพสไว้ในหนังสือ ดาบเหล็กน้ำพี้ 

 

ช่วงอายุ 25 เป็นช่วงสำคัญที่สุดของชีวิตจริงหรือไม่ และอาถรรพ์เบญจเพสคือเรื่องจริง หรือแค่ความบังเอิญกันแน่ แท้จริงแล้วคำว่าเบญจเพสนั้นสะกดให้ถูกต้องด้วย "ส" ในคำว่า "เพส" แผลงมาจากคำในภาษาบาลีสองคำคือ ปัญจะ คือ ห้า และ วีส คือ ยี่สิบ

 

ตามคติของพราหณม์นั้นจะแบ่งช่วงวัยของมนุษย์ออกเป็นส่วนๆ คือ ๑-๘ นับ เป็นกุมาร ๙ – ๑๖ นับเป็นทารกวัย (วัยรุ่น) ๑๗ – ๒๕ นับ เป็นมาณพ(วัยหนุ่ม) ชายใดใช้ชีวิตมาถึงปีที่ ๒๕ ตามภาษาของคัมภีร์พฤติศาสตร์เรียก ‘ต้องเบญจเพส’ หมายถึงการเข้าถึงฝ่ายโชคและเคราะห์อันแรงกล้า ส่วนจะเป็น โชคหรือเคราะห์ ก็ต้องดูว่าลงล็อกใดใน ‘เพส ๕’ อันได้แก่ เทวะ มนุษย์ เดรัจฉาน เปรต หรือ อสุรกาย หากดวงตกเทวะ ก็จะได้ลาภยศ หากตกมนุษย์ ก็ปานกลาง หากตกเดรัจฉาน คือป่วย หนัก หากตกเปรตก็ถึงตาย หากตกอสุรกายก็อาจพิกลพิการเป็นต้น ซึ่งในตำราหนึ่งได้กล่าวแยกภัยพิบัติอันเกี่ยวกับเบญจเพสนี้ไว้ว่า

คนเกิดวันอาทิตย์ :
ช่วงหกเดือนแรกต้องระวังปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพทางสายตา โรคหัวใจ รวมถึงจะมีผู้ใส่ร้ายป้ายสีให้เกิดคดีความสายตามีปัญหา จะเป็นโรคลมโรคหัวใจ พอถึงหกเดือนหลังปัญหาจะเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น


คนเกิดวันจันทร์ :
ช่วงหกเดือนแรกจะเป็นที่ถูกตาต้องใจของเพศตรงข้าม มีเกณฑ์ได้พบเนื้อคู่ จะทำสิ่งใดจะได้รับการอุปถัมป์อุ้มชูจากผู้ใหญ่ มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมีเกณฑ์ได้รับเงินก้อนโต ช่วงหกเดือนหลังจะมีเรื่องวุ่นวายจากเพศตรงข้าม อาจเกิดรักซ้อนขึ้นมาได้


คนเกิดวันอังคาร :
เกิดการทะเลาะวิวาทอย่างรุนแรง เจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุจนต้องเข้าโรงพยาบาล


คนเกิดวันพุธ(ทั้งกลางวันและกลางคืน) :
หกเดือนแรกต้องตกระกำลำบากเหน็ดเหนื่อย มีการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายถิ่นที่อยู่ ผิดพลาดด้านงานเอกสาร มีการสูญหายหรือเสียหาย หกเดือนสุดท้ายปัญหาจะเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น


คนเกิดวันพฤหัสบดี :
หกเดือนแรกจะมีผู้ให้การช่วยเหลืออุปถัมป์ ถ้ามีการเจ็บป่วยอยู่ก็จะหายดี อาจจะมีการโยกย้ายไปอยู่แดนไกล หกเดือนสุดท้ายต้องระวังจะมีเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ ในช่วงนี้ต้องจึงต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ดี


คนเกิดวันศุกร์ :
ระวังมีคดีความ จะมีเรื่องวุ่นวายในชีวิต เกิดภาระหนี้สิน เป็นหม้าย ครอบครัวไม่มีความสุข (ต้องหมั่นฝึกทำสมาธิให้มากจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้)


คนเกิดวันเสาร์ :
ต้องพลัดพรากไปใช้ชีวิตในแดนไกล ระวังจะเรื่องทำผิดศีลธรรม
ถ้าเป็นหญิงมักจะเสียสาวหรือตกเป็นมือที่สาม ถ้าเป็นชายระวังจะเป็นชู้กับผู้อื่น


เมื่อคิดตามข้างค้นแล้ว ภัยพิบัติหรือความโชคร้ายเหล่านี้ ถึงจะน่ากลัว แต่ก็ใช่ว่าจะเกิดกับทุกคน หากแต่จะเกิดกับคนที่ดวงไปตกกับเพสร้ายๆเท่านั้น คนที่เชื่อในอาถรรพ์จึ้งมักไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ ขอพรตามวัดวาอารามหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิต่างๆ ส่วนคนที่ไม่เชื่อก็บอกว่าเป็นแค่ช่วงอายุที่มีความเปลี่ยนแปลงในชีวิตมากกว่าช่วงอื่น เช่นการเข้าสู่ช่วงเริ่มทำงานปีแรกๆ การพบเจอผู้คนในสังคมใหม่ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะปรับตัวไม่ทัน บ้างก็เชื่อว่าเป็นกุศโลบายของคนโบราณที่อยากให้ผู้ชายในวัย 25 บวชเป็นพระเพื่อศึกษาพระธรรมและเป็นบุญกุศลแก่พ่อแม่ หรือในปัจจุบันนี้ก็เพื่อห้ามปรามชายหญิงที่กำลังอยู่ในวัยคึกคะนองให้ระมัดระวังตัวเอง


ส่วนในแง่ของสถิตินั้น คนในวัย 25 มีความเสี่ยงกับโรคภัยมากกว่าวัยอื่นๆดังนี้ครับ


  • คนที่อายุมากกว่า 25 ปี รู้สึกเจ็บป่วยบ่อยกว่าคนที่อายุน้อยกว่า 25 ปี ถึงเกือบ 2 เท่าตัว
  • คนที่อายุเกิน 25 ปี มีโรคเรื้อรังมากกว่าคนที่อายุน้อยกว่า 25 ปี ถึง 3 เท่าตัว
  • และคนที่อายุ 25-29 ปี ตายจากโรคมะเร็งชนิดต่างๆมากกว่าคนที่อายุ 20-24ปี ถึง 2 เท่ากว่าๆ

ปัจจุบันความเชื่อในอาถรรพ์เบญจเพสไม่ไช่กับเฉพาะผู้ชายอย่างเช่นในสมัยโบราณแล้ว แต่รวมไปถึงผู้หญิง และยังหมายรวมไปถึงช่วงอายุที่ลงท้ายด้วยเลข 5 เช่น 25 35 45 อีกด้วย บางคนถึงกับเตรียมทำบุญกันตั้งแต่อายุได้ 24 ย่างเข้า 25 เสียด้วยซ้ำ ไม่ว่าอาถรรพ์เบญจเพสจะเป็นความเชื่อที่จริงหรือไม่ พิสูจน์ได้หรือไม่ได้ เราทุกคนก็ควรมีสติตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เพราะความเปลี่ยนแปลงในชีวิตนั้น เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หมั่นดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง และอย่าวิตกกังวลจนเกินไป เท่านี้เราก็คงใช้ชีวิตได้อย่างมีีความสุขกับทุกช่วงชีวิตแล้ว

ใส่ความเห็น